Taiwan Excellence-Manufacturing Expo 2025
Theca25
ภาพวาดแนวอิลลัสเตรชันของคนคนหนึ่งยืนอยู่กลางพื้นที่ที่เหมือนทะเลสาบสะท้อนเงา ท่ามกลางภูเขาและท้องฟ้ายามเย็น มีเส้นดาวพาดผ่านด้านบนและสะท้อนด้านล่าง สื่อถึงการค้นหาตัวตนและเส้นทางชีวิตอย่างลึกซึ้ง

Specialist คือบทบาทที่เราสวม หรือคือตัวตนที่เราอยากเป็น?

Date Post
06.06.2025
Post Views

เมื่อเราทำงานเก่ง แต่เริ่มไม่แน่ใจว่ากำลังเดินไปทางไหน

ภาพวาดผู้ชายยืนอยู่ริมผืนน้ำ สะท้อนเงาตัวเองบนพื้นน้ำ ด้านบนมีแสงดาวเรียงตัวเป็นกลุ่มดาวเหนือฉากหลังภูเขาสีม่วงและท้องฟ้ายามค่ำ

สิ่งที่ซับซ้อนที่สุดเกี่ยวกับการทำงานไม่ใช่ความเหนื่อย หรือการรับมือกับเป้าหมายที่กดดัน แต่คือความรู้สึกที่แทรกขึ้นมาอย่างเงียบ ๆ ว่า “สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ มันใช่จริงไหม?” คนทำงานจำนวนไม่น้อยไม่ได้มีปัญหาเรื่องผลงาน ไม่ได้ขาดแรงจูงใจแบบชัดเจน แต่กลับรู้สึกเบา ๆ ว่าเส้นทางที่กำลังเดินอยู่นั้นไม่ได้นำพาความสุขภายในมาให้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ชัดเจนเหมือนที่เคยฝันไว้ในวันแรก ๆ ที่ก้าวเข้าสู่โลกของการทำงาน

หลายคนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานของตัวเองได้โดยที่ไม่ได้รู้สึกผูกพันกับมันอีกต่อไป พวกเขาทำได้ดี มีคนยอมรับ ได้รับค่าตอบแทนที่สมเหตุสมผล แต่ขณะเดียวกันกลับมีความรู้สึกคลุมเครืออยู่ลึก ๆ ว่าตัวเองกำลังถูกขับเคลื่อนด้วยแรงเฉื่อยมากกว่าความปรารถนา พวกเขาไม่ใช่คนที่ล้มเหลว แต่กลับกลายเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างสับสน และนั่นเป็นภาวะที่ทรมานกว่าการเริ่มต้นใหม่เสียอีก

ความเก่งที่เราสะสมในระหว่างทาง มักจะมาพร้อมกับบทบาทและความคาดหวังจากรอบข้าง จนบางครั้งเราหลงลืมว่า เราเคยอยากเป็นใคร ในวันที่ยังไม่รู้อะไรเลยการรู้สึกไม่มั่นใจแม้ในวันที่ดูเหมือนทุกอย่างกำลังไปได้ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เป็นการตื่นรู้เล็ก ๆ ที่มีคุณค่ามาก เพราะมันหมายความว่าเรายังฟังเสียงข้างในของตัวเองอยู่

เส้นทางที่ไม่มีใครกำหนดให้ นอกจากตัวคุณเอง

คนทำงานส่วนใหญ่ถูกสอนให้พัฒนาความสามารถรอบด้าน เพื่อให้ปรับตัวได้กับทุกบทบาทในทีม กลายเป็น คนเก่งที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนเร็วแบบวันนี้ การเป็นคนทำได้ทุกอย่างไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว เพราะท้ายที่สุดแล้วองค์กรไม่ต้องการเพียงคนที่ทำได้แต่ต้องการ คนที่ทำให้เกิดต่างหาก

และคนที่ทำให้เกิดสิ่งใหม่ได้จริง คือคนที่รู้ลึกในเรื่องหนึ่งอย่างมีจุดยืน พวกเขาไม่ใช่แค่ทำตามขั้นตอน แต่สามารถวิเคราะห์ แก้ไข ปรับปรุง หรือแม้แต่สร้างกระบวนการใหม่ได้จากความเข้าใจลึกในทักษะที่ตัวเองถืออยู่ คนแบบนี้คือ Specialist ที่แท้จริงไม่ใช่เพราะพวกเขามีชื่อเรียกเฉพาะทางในนามบัตรแต่เพราะสิ่งที่พวกเขาทำนั้นมีน้ำหนัก จนกลายเป็นทรัพยากรสำคัญในระบบการทำงานที่พวกเขาอยู่

ทักษะเฉพาะทางคืออะไร และเรากำลังมีมันอยู่ในรูปแบบไหน

ภาพวาดหญิงสาวนั่งเขียนสมุดริมทะเลหมอก ภายใต้พระอาทิตย์สีส้มขึ้นใหม่ มีข้อความ Mist at Dawn และเครื่องหมายคำถามบนดวงอาทิตย์

ในมุมมองของนักจิตวิทยาอาชีพ ทักษะเฉพาะทางคือภาพสะท้อนของการเลือกทำซ้ำ ไม่ใช่แค่การทำให้ได้แต่มันคือการใส่ใจในกระบวนการ ค่อย ๆ พัฒนาจนกลายเป็นสิ่งที่เราทำได้โดยธรรมชาติ แม้แต่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ทักษะเฉพาะทางอาจไม่จำเป็นต้องมีชื่อชัดเจน ไม่ได้ต้องมีใบรับรองหรือหลักฐานอะไร แต่มันจะเผยตัวออกมาในเวลาที่เรารับมือกับความท้าทายด้วยสไตล์เฉพาะตัวที่แตกต่างจากคนอื่น

บางคนอาจมีทักษะเฉพาะทางในด้านการวิเคราะห์ บางคนในด้านการสร้างสัมพันธ์ บางคนในด้านการจัดการความซับซ้อน หรือสร้างระบบให้คนอื่นทำงานได้ง่ายขึ้น คนเหล่านี้อาจไม่ได้รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองมี ของดีบางอย่างที่หาไม่ได้ทั่วไป เพราะในแต่ละวันพวกเขาแค่ทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบไปเรื่อย ๆ โดยไม่เคยหยุดกลับมามองว่า นี่คือทักษะเฉพาะที่ควรหยิบมาพิจารณาอย่างจริงจังหรือเปล่า

สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่แค่การระบุให้ได้ว่าเรามีทักษะอะไร แต่คือการถามตัวเองต่อไปว่า ทักษะเหล่านี้ยังสอดคล้องกับสิ่งที่เราอยากเป็นในอนาคตอยู่หรือไม่ เรายังอยากเก่งในเรื่องเดิมต่อไปอีก 5 ปี 10 ปีข้างหน้าหรือไม่ หรือว่าเรากำลังแอบฝันถึงทักษะอีกแบบหนึ่งที่ไม่เคยได้เริ่มพัฒนาเพราะมัวแต่ยุ่งกับความสำเร็จในสิ่งที่ถนัดแล้ว

หลายคนกลัวที่จะยอมรับว่าตัวเอง ไม่อยากทำสิ่งที่เก่งแล้วเพราะรู้สึกผิดหรือกลัวว่าจะถูกมองว่าไม่มั่นคง แต่ในความเป็นจริง มนุษย์เราเปลี่ยนได้ และเปลี่ยนตลอดเวลา เราอาจมีทักษะหนึ่งที่เติบโตมากับสายงานเดิม แต่พอถึงจุดหนึ่ง มันอาจถึงเวลาที่ต้องตั้งใจพัฒนาทักษะใหม่เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่เวทีใหม่ที่เราอยากเป็นส่วนหนึ่ง

การสื่อสารด้วยเสียงของผู้รู้ที่ไม่กลบเสียงคนอื่น

อีกสิ่งหนึ่งที่มักถูกมองข้ามในการเติบโตแบบ Specialist คือการสื่อสารทักษะของตัวเองให้คนอื่นเห็น ไม่ใช่เพื่อโอ้อวด แต่เพื่อให้คนรอบตัวเข้าใจว่าคุณยืนอยู่ตรงไหนในระบบการทำงาน คุณกำลังดูแลเรื่องอะไร คุณเชี่ยวชาญในมุมไหนของปัญหา และสามารถเข้าไปมีบทบาทได้เมื่อไหร่ การมีจุดยืนชัดเจนแบบนี้จะช่วยให้คุณกลายเป็นคนที่ถูกเรียกหาในเวลาที่องค์กรต้องการความมั่นใจจากความรู้ลึก ไม่ใช่แค่พึ่งพาแรงงานที่หมุนเปลี่ยนไปตามกระแส

การสื่อสารทักษะเฉพาะทางไม่ได้จำกัดอยู่ที่การพูดถึงตัวเอง แต่รวมถึงการแสดงความเข้าใจต่อภาพรวมของระบบงานด้วยเช่นกัน คนที่เป็น Specialist จริงจะสามารถอธิบายให้คนอื่นเข้าใจได้ว่า สิ่งที่ตนเองทำอยู่เชื่อมโยงกับอะไร แก้ปัญหาในระดับไหน และช่วยให้ทีมขับเคลื่อนไปได้อย่างไร ความสามารถในการแสดงให้เห็น ความลึกโดยไม่ตัดขาดจากระบบ คือสิ่งที่ทำให้ Specialist แตกต่างจากคนที่แค่ทำหน้าที่ได้ดี

และในยุคที่ทักษะต่าง ๆ เปลี่ยนเร็ว ความเชี่ยวชาญจะไม่ยั่งยืนหากไม่มีการเปิดรับแลกเปลี่ยนและพัฒนาอยู่เสมอ คนที่รู้ว่าตนเองรู้อะไร และพร้อมยอมรับว่ายังมีอะไรที่ต้องเรียนรู้ต่อ จะเป็นคนที่รักษาความเชี่ยวชาญได้โดยไม่หลงทาง Specialist ที่ดีจึงไม่ใช่คนที่ปิดประตูความรู้ แต่คือคนที่ถือประตูเปิดไว้ และพร้อมเรียนรู้จากผู้คนรอบข้างไม่ว่าจะอยู่ในระดับใด

อาชีพในฝันไม่ได้อยู่ที่ตำแหน่ง แต่อยู่ที่ความสอดคล้องภายใน

เวลาพูดถึง ‘อาชีพในฝัน’ ภาพในหัวของแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนอาจคิดถึงตำแหน่งผู้บริหาร บางคนอาจคิดถึงชีวิตฟรีแลนซ์ที่มีอิสระ บางคนอยากเป็นครู นักเขียน หรือเจ้าของร้านกาแฟเล็ก ๆ แต่ไม่ว่าอาชีพนั้นจะมีชื่อว่าอะไร สิ่งที่คนเราต้องการจริง ๆ ไม่ใช่แค่ชื่อของตำแหน่งแต่คือความรู้สึกว่า ‘ชีวิตการทำงานของเรากำลังมีความหมาย’

ความสอดคล้องระหว่างทักษะเฉพาะทางที่เรามีกับความฝันภายใน คือกุญแจสำคัญที่จะทำให้เรารู้สึกว่าเรากำลังเดินอยู่บนเส้นทางที่เหมาะกับตัวเองจริง ๆ มันไม่ใช่เส้นทางที่ง่ายเสมอไป แต่เป็นเส้นทางที่ทำให้เราไม่รู้สึกว่างานกำลังดูดพลังชีวิตจากเราไปทีละน้อย ทักษะที่ไม่สอดคล้องกับคุณค่าภายใน อาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยแบบที่ไม่มีใครเห็น และในทางกลับกัน ทักษะที่ตอบกับเป้าหมายในใจ อาจทำให้เราก้าวข้ามอุปสรรคที่ยากที่สุดด้วยใจที่ไม่ยอมแพ้

การได้อยู่ในงานที่เรา “ใช่” ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเก่งในทุกเรื่อง แต่คือการรู้ว่าทักษะอะไรที่ควรได้รับการหล่อเลี้ยง และทักษะอะไรที่ควรวางไว้ข้างหลังได้แล้วอย่างไม่รู้สึกผิด เพราะไม่มีใครสามารถถือทุกอย่างไว้พร้อมกันได้ตลอดเวลา

จุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลง ไม่ได้มาจากคำตอบ แต่มาจากคำถาม

ภาพวาดหญิงสาวยืนอยู่หน้าประตูที่เขียนว่า ‘Next Stage’ รายล้อมด้วยไอคอนเชื่อมโยงของเทคโนโลยีและอนาคต เช่น มือถือ เมฆ เฟือง และชาร์ต

ถ้ามีสิ่งหนึ่งที่ฉันอยากให้คนทำงานทุกคนได้ทำในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ก็คือการนั่งลงเงียบ ๆ แล้วถามตัวเองอย่างจริงใจว่า “ฉันกำลังใช้ชีวิตเพื่อไปให้ถึงอะไร” คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบในทันที และไม่จำเป็นต้องชัดเจนเสมอไป แต่ความกล้าที่จะถาม คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายมากกว่าการเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนตำแหน่ง

หลายคนเริ่มเปลี่ยนเส้นทางชีวิต ไม่ใช่เพราะเจอวิกฤต แต่เพราะเริ่มรู้สึกว่า “ความพอดีในใจ” มันหายไป พวกเขาไม่ได้หมดหวังกับโลกการทำงาน แต่แค่อยากเริ่มบทสนทนาใหม่กับตัวเอง บางครั้งเป็นบทสนทนาที่เรียบง่าย เช่น ฉันยังรักสิ่งที่ฉันทำอยู่ไหม ฉันยังรู้สึกเติบโตไหม ฉันยังรู้สึกภูมิใจในบทบาทที่มีอยู่ไหม และถ้าคำตอบคือไม่ นั่นก็ไม่ใช่จุดจบ แต่มันคือจุดเริ่มต้นใหม่ที่สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ถ้าเรากล้าพอที่จะฟังเสียงนั้น

ไม่มีคำตอบใดที่ถูกต้องตลอดไป มีเพียงความจริงของวันนี้ที่เรากล้าที่จะยอมรับ

ภาพวาดหญิงสาวถือกระเป๋ายืนอยู่ระหว่างตึกสองหลัง มีแสงอาทิตย์ส่องจากด้านบน รายล้อมด้วยต้นไม้สองฝั่ง เหมือนอยู่ในจุดตัดสินใจครั้งสำคัญของชีวิต

สิ่งหนึ่งที่หลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับการเติบโตในเส้นทางอาชีพ คือการต้องหาคำตอบที่ “ใช่ที่สุด” เหมือนเป็นสูตรสำเร็จตายตัวที่ควรค้นหาให้พบตั้งแต่ต้น แต่ในความเป็นจริง เราแต่ละคนไม่ได้มีเส้นทางเดียวที่ถูกต้องเสมอไป และคำตอบที่เคยใช่เมื่อห้าปีก่อน ก็อาจไม่เหมาะกับสถานการณ์ของวันนี้อีกต่อไปแล้ว

การยอมรับว่า ความฝันของเราสามารถเปลี่ยนได้ และตัวเราในวันนี้อาจไม่เหมือนตัวเราเมื่อก่อน ไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่มันคือวุฒิภาวะทางอาชีพที่ลึกซึ้งที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะมันแสดงว่าเรากำลังฟังตัวเองจริง ๆ ไม่ใช่แค่ทำตามเส้นทางที่เคยวางไว้เมื่อครั้งยังไม่รู้จักโลกการทำงานมากพอ

คนจำนวนมากติดอยู่ในเส้นทางเดิมเพราะกลัวการตั้งคำถามใหม่ กลัวว่าจะถูกมองว่าไม่แน่นอน หรือไม่มีเป้าหมายในชีวิต แต่ความยืดหยุ่นคือหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญที่สุดของคนที่สามารถสร้างชีวิตการทำงานให้เป็นของตัวเองได้จริง ๆ ไม่ใช่การฝืนทำในสิ่งที่เคยคิดว่าใช่ แต่คือการกล้าเปลี่ยนเมื่อความจริงของวันนี้เริ่มเปลี่ยนไป

ไม่มีคำตอบใดที่ถูกต้องตลอดไป และนั่นคือเรื่องปกติที่สุดในโลกการทำงานที่เปลี่ยนเร็วแบบทุกวันนี้ สิ่งที่สำคัญกว่าคือ การที่เรายังกล้าตอบคำถามกับตัวเองอย่างซื่อตรงอยู่เสมอ และพร้อมจะ ‘ปรับทิศ’ โดยไม่รู้สึกผิดเมื่อถึงเวลาที่ต้องเปลี่ยนเส้นทาง

การกล้ายอมรับความจริงของวันนี้ จึงไม่ใช่การทิ้งฝันเดิม แต่คือการอัปเดตฝันให้เท่าทันกับคนที่เราได้กลายมาเป็นแล้วในวันนี้


บทความที่น่าสนใจ


Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Theca25