SIEMENS
SIEMENS
ภาพกราฟิกแสดงการสื่อสารระหว่างบุคคลสองคนที่นั่งพูดคุยกัน โดยมีภาพสมองและหัวใจในก้อนเมฆด้านบน สื่อถึงการพัฒนา EQ หรือความฉลาดทางอารมณ์ ผ่านการเข้าใจตนเองและผู้อื่น การสื่อสารที่มีความเห็นอกเห็นใจ และการรับฟังอย่างตั้งใจ

การฝึกทักษะความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำงานร่วมกันและจัดการความเครียดในที่ทำงาน 

Date Post
30.05.2025
Post Views

ในสังคมการทำงานยุคปัจจุบัน องค์กรกำลังเผชิญความเปลี่ยนแปลงทั้งในเชิงเทคโนโลยีและวัฒนธรรมอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ความสามารถทางเชาวน์ปัญญา (IQ) ถูกยกให้เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จหลัก ปัจจุบันกลับมีความชัดเจนมากขึ้นว่า “ความฉลาดทางอารมณ์” หรือ EQ ต่างหากที่เป็นตัวกำหนดความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่น การปรับตัวต่อความกดดัน และการอยู่รอดในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

EQ คือความสามารถในการรับรู้ เข้าใจ และจัดการกับอารมณ์ของตัวเองและผู้อื่น ไม่ใช่แค่การควบคุมอารมณ์ให้เย็นลงในเวลาที่โกรธ แต่รวมถึงความสามารถในการเข้าใจความรู้สึกเบื้องหลังพฤติกรรมของคนรอบข้าง รับมือกับความขัดแย้ง และสร้างความร่วมมืออย่างเป็นระบบ คนที่มี EQ สูงจึงไม่ใช่แค่คนดีในทีม แต่คือผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนทีมสู่เป้าหมาย

EQ กับการทำงานเป็นทีม และความแตกต่างที่เปลี่ยนทั้งระบบ

ภาพคนสามคนกำลังสนทนา โดยมีไอคอนหัวใจและอารมณ์ลอยอยู่เหนือศีรษะ สื่อถึงการฟังอย่างเข้าใจและการสื่อสารอย่างเห็นอกเห็นใจ ซึ่งเป็นทักษะสำคัญของ EQ ในการทำงานเป็นทีม

ความสามารถในการทำงานเป็นทีมไม่ใช่เพียงเรื่องของทักษะในการสื่อสารหรือความตั้งใจในการช่วยเหลือกันเท่านั้น แต่ลึกลงไปกว่านั้นคือทักษะในการเข้าใจผู้อื่น ยอมรับความแตกต่าง และบริหารความรู้สึกของตนเองเมื่อต้องร่วมมือกับคนที่ไม่เหมือนเราเลย

EQ มีบทบาทสำคัญตรงจุดนี้ เพราะเมื่อใดก็ตามที่มีความเห็นไม่ตรงกัน ความตึงเครียด หรือแม้แต่คำพูดที่กระทบความรู้สึก การมี EQ ที่ดีจะช่วยให้เราไม่ถูกอารมณ์พาไป แต่กลับหาวิธีเจรจา สื่อสาร หรือปล่อยวางได้อย่างเหมาะสม คนที่มี EQ สูงสามารถฟังผู้อื่นได้โดยไม่รีบตัดสิน แยกแยะความรู้สึกออกจากข้อเท็จจริง และหาทางประนีประนอมเพื่อรักษาความสัมพันธ์ในทีม

EQ กับการรับมือความเครียด ไม่ใช่แค่ ‘ไม่ทุกข์’ แต่คือ ‘รู้จักฟื้นตัว

ภาพหญิงสาวนั่งเครียดที่โต๊ะทำงาน ท่ามกลางกระดาษปลิวว่อนและหมอกความคิดจากโคมไฟ สื่อถึงสภาพจิตใจที่เผชิญความเครียดในที่ทำงาน และความสำคัญของการมี EQ เพื่อรับมือกับความกดดัน

ในที่ทำงาน ความเครียดเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราอาจเผชิญกับงานเร่งด่วน หัวหน้าที่คาดหวังสูง เพื่อนร่วมงานที่ไม่ร่วมมือ หรือแม้แต่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานซ้ำซาก คนที่มี EQ ต่ำมักถูกความเครียดครอบงำจนกระทบทั้งสุขภาพจิตและผลงาน พวกเขาอาจแสดงออกด้วยความหงุดหงิด เก็บตัว หรือหมดไฟ

แต่คนที่มี EQ สูงจะมีทักษะในการฟื้นฟูใจ พวกเขารู้ว่าเมื่อใดที่ต้องหยุดคิด รู้วิธีสงบใจ พักสั้นๆ แล้วกลับมาใหม่ด้วยพลังบวก ความสามารถในการจัดการอารมณ์เช่นนี้ไม่เพียงช่วยให้เขาไม่พังกลางทาง แต่ยังทำให้เขาเป็นแรงสนับสนุนให้คนรอบตัวผ่านพ้นช่วงวิกฤติไปด้วยกัน

องค์ประกอบของ EQ สู่การ เข้าใจตน เข้าใจคน และเข้าใจโลก

ภาพคนสองคนสนทนากันอย่างเป็นมิตร โดยมีคำว่า GOOD, SMART และ HAPPY เชื่อมด้วยรูปหัวใจและหนังสือ สื่อถึงองค์ประกอบของ EQ ที่ดีทั้งด้านจริยธรรม สติปัญญา และความสุข

กรมสุขภาพจิตได้นิยามองค์ประกอบของ EQ ไว้อย่างชัดเจนเป็น 3 ด้าน ได้แก่ “ดี เก่ง และสุข” ทั้งสามด้านนี้ไม่แยกจากกัน แต่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ

ด้านดี คือความสามารถในการควบคุมอารมณ์ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความรับผิดชอบในงานและต่อสังคม คนที่มีด้านนี้แข็งแรงจะรู้ว่าเมื่อใดควรนิ่ง เมื่อใดควรพูด และพูดอย่างไรจึงจะไม่ทำร้ายใครโดยไม่จำเป็น

ด้านเก่ง คือความสามารถในการวางเป้าหมาย แก้ไขปัญหา และมีความสัมพันธ์กับผู้อื่นอย่างมีประสิทธิภาพ คนที่มีด้านนี้เด่นจะเป็นทั้ง “นักแก้ปัญหา” และ “นักสื่อสาร” ที่ทำให้ทีมเดินหน้าอย่างไม่สะดุดด้านสุข คือความสามารถในการดำรงชีวิตด้วยความพึงพอใจ มีความภูมิใจในตนเอง มองโลกในแง่ดี และรู้จักผ่อนคลายทางจิตใจ คนที่มีองค์ประกอบนี้เข้มแข็งจะไม่ถูกแรงกดดันบดขยี้ง่ายๆ และมีพลังจะสร้างสรรค์งานที่ดีได้อย่างต่อเนื่อง

การฝึกฝน EQ ไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์ แต่เป็นเรื่องของการลงมือทำ

ภาพผู้หญิงนั่งสมาธิพร้อมคำถามในใจว่า “How am I feeling now?” และ “Is this emotion or reason?” สื่อถึงการฝึกสติเพื่อรู้ทันอารมณ์ เป็นกระบวนการหนึ่งในการฝึก EQ

ข้อดีของ EQ คือสามารถฝึกฝนได้อย่างต่อเนื่อง ไม่จำกัดเพศ วัย หรือพื้นฐานทางอารมณ์ การฝึก EQ เริ่มต้นจากการ ‘รู้ทันตนเอง’ ฝึกถามใจบ่อยๆ ว่า ตอนนี้รู้สึกยังไงและเราตอบสนองเพราะเหตุผล หรือเพราะอารมณ์ การฝึกตนให้มีสติขณะทำงาน ไม่เอาอารมณ์นำเหตุผล จะช่วยให้สามารถเลือกพฤติกรรมได้อย่างเหมาะสม

การสร้างแรงจูงใจให้ตนเองก็เป็นอีกเรื่องที่ฝึกได้ เช่น ตั้งเป้าหมายเล็กๆ แล้วให้รางวัลตนเองเมื่อทำสำเร็จ หรือฝึกคิดบวกกับเหตุการณ์เล็กน้อยในชีวิตประจำวัน เช่น แทนที่จะบ่นว่ารถติด ก็มองว่าเป็นเวลาทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น

นอกจากนี้ การฝึกฟังอย่างตั้งใจ เปิดใจต่อฟีดแบ็ก และยอมรับความผิดพลาดก็เป็นส่วนสำคัญของการพัฒนา EQ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำครั้งเดียวแล้วจบ แต่ต้องทำซ้ำอย่างมีสติและสม่ำเสมอ

EQ เป็นพื้นฐานของ ‘การอยู่ร่วม’ ในโลกการทำงานที่ซับซ้อน

ภาพกราฟิกแสดงคนกลุ่มหนึ่งทำงานและสื่อสารกัน โดยมีสมองอยู่ตรงกลางเชื่อมโยงกับเส้นสายคล้ายต้นไม้ สื่อถึงการแบ่งปันความคิดและการเติบโตของทีมผ่านการพัฒนา EQ

สุดท้ายนี้ หากเราต้องเลือกหนึ่งทักษะที่จะทำให้การทำงานร่วมกับผู้อื่นเป็นไปอย่างราบรื่น สร้างความสัมพันธ์ที่ดี และจัดการกับความเครียดได้อย่างยั่งยืน ไม่มีทักษะใดเหมาะสมไปกว่า EQ

EQ ไม่ได้ทำให้เราแค่อยู่รอดแต่ทำให้เราอยู่ร่วมได้ อย่างมีคุณภาพ ทั้งกับตนเอง เพื่อนร่วมงาน และองค์กร การฝึก EQ จึงไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทักษะจำเป็นสำหรับโลกการทำงานยุคใหม่ ที่ความเก่งอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องเก่งอย่างฉลาดทางอารมณ์ด้วย


บทความที่น่าสนใจ

Logo-Company
Logo-Company
Logo-Company
logo-company
Pisit Poocharoen
Former field engineer seeking to break free from traditional learning frameworks. อดีตวิศวกรภาคสนามที่ต้องการหลุดออกจากกรอบการเรียนรู้แบบเดิม ๆ
Logistics Automation Expo 2025