คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) เสนอแก้ไขกฎหมายว่าด้วยสภาพภูมิอากาศของสหภาพยุโรป (EU Climate Law) ในวันพุธ (2 ก.ค.) ที่กำหนดเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 90% ภายในปี 2583 เมื่อเทียบกับระดับในปี 2533 นอกจากนี้ EC ยังเสนอกลไกความยืดหยุ่นใหม่เพื่อลดแรงกดดันต่อภาคอุตสาหกรรมของยุโรป
กฎหมายว่าด้วยสภาพภูมิอากาศของ EU ได้กำหนดเป้าหมายระยะยาวเกี่ยวกับการบรรลุความเป็นกลางด้านสภาพภูมิอากาศภายในปี 2593 พร้อมผนวกเป้าหมายระยะกลางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างน้อย 55% ภายในปี 2573
EC ได้เสนอเป้าหมายปี 2583 เป็นครั้งแรกในเดือนก.พ. 2567 อย่างไรก็ตาม ประเทศสมาชิกที่มีอุตสาหกรรมจำนวนมากหลายประเทศได้แสดงความกังวล โดยกล่าวว่าการลดลง 90% ไม่สมเหตุสมผล
เพื่อขจัดข้อกังวลเหล่านี้ คณะกรรมาธิการได้เสนอมาตรการที่ยืดหยุ่นหลายประการในข้อเสนอล่าสุดนี้ โดยประเทศสมาชิกจะได้รับอนุญาตให้ใช้ Carbon Credit ระหว่างประเทศคุณภาพสูงจากประเทศพันธมิตรเพื่อชดเชยการปล่อยคาร์บอนของ EU ในปี 2533 ได้ถึง 3% ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ปี 2579 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ มาตรการอื่น ๆ ประกอบด้วยการรวมการกำจัดคาร์บอนในประเทศอย่างถาวรเข้าในระบบการซื้อขายการปล่อยมลพิษของ EU และสร้างความยืดหยุ่นมากขึ้นในทุกภาคส่วน เช่น อนุญาตให้ประเทศต่าง ๆ ใช้การลดการปล่อยมลพิษส่วนเกินจากภาคการขนส่งหรือของเสีย มาชดเชยในภาคการใช้ที่ดินที่ยังลดไม่ถึงเป้าได้
คำถามสำคัญของเป้าหมายนี้ คือ ระยะเวลาที่ใช้กว่า 20 ปีนั้นเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานเกินไปหรือไม่ และเมื่อเวลาผ่านไปยาวนานขนาดนั้นการขาดแคลนทรัพยกรจะอยู่ในจุดที่ไม่อาจหวนกลับได้หรือเปล่า การกำหนดนโยบายที่ออกมาในภาพรววมทั้งหมดของภาคอุตสาหกรรมนั้นหากดูผิวเผินจะเป็นการกำหนดเป้าหมายใหญ่ร่วมกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วบางอุตสาหกรรมอาจมีแนวโน้มและโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ เช่น แฟชันและสิ่งทอ









