Thursday, March 28Modern Manufacturing
×

7 เทรนด์ Digital Transformation ต้องจับตาปี 2023 จาก Mulesoft

Mulesoft ผู้เชี่ยวชาญด้านโซลูชันดิจิทัลได้เปิดเผยรายงานการศึกษาข้อมูลเทรนด์ที่เป็นเงื่อนไขสำคัญในการผลักดันให้เกิด Digital Transformation ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี 2023 เพื่อยกระดับปฏิบัติการณ์ โดยที่ยังคงใส่ใจต่อประสบการณ์ของลูกค้าและผู้ปฏิบัติงานในเวลาเดียวกัน

7 เทรนด์ Digital Transformation ต้องจับตาปี 2023 จาก Mulesoft
7 เทรนด์ Digital Transformation ต้องจับตาปี 2023 จาก Mulesoft

Digital Transformation เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในธุรกิจการผลิตสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ภายหลังการมาถึงของการระบาดใหญ่ COVID-19 ความไม่แน่นอนได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่คอยก่อกวนเสถียรภาพของธุรกิจและกระแสเงินสด ความไม่แน่นอนดังกล่าวเกิดขึ้นทั้งในภาคของแรงงาน ซัพพลายเชน กระบวนการผลิต โลจิสติกส์ ไปจนถึงการบริการหลังการขายหรือ CRM ต่าง ๆ

โดย Mulesoft ที่ปัจจุบันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท Salesforce ผู้เชี่ยวชาญด้านซอฟต์แวร์บน Cloud รายใหญ่ ได้เปิดเผยรายงานการศึกษาข้อมูลและพบ 7 ปัจจัยที่สำคัญในประเด็นของ Digital Transformation ที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 ดังนี้

การลงทุนด้านระบบอัตโนมัติจะเกิดการสะดุด เพราะหลายองค์กรจะให้ความสำคัญกับการทำน้อยได้มากยิ่งขึ้น

แน่นอนว่าระบบอัตโนมัตินั้นขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโตของประสิทธิภาพ เพิ่มผลิตภาพ และช่วยลดต้นทุนได้อย่างมากมายท่ามกลางความไม่แน่นอน และในปี 2023 การใช้ Hyperautomation จะกลายเป็นส่วนสำคัญของธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันหลายองค์กรได้เริ่มต้นใช้งานแล้ว โดย 80% ขององค์กรมี Hyper Automation อยู่ในแผน Roadmap 24 เดือนที่จะมาถึงนี้

Composability จะเป็นเสาหลักของธุรกิจในการผลักดันนวัตกรรมและความคล่องตัว

Composability จะเปิดโอกาสให้ทีมสามารถทำอะไรต่าง ๆ ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ ทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการทำให้ทีมสามารถทำศักยภาพเดิมที่มีอยู่แล้วกลับมาใช้อีกครั้งเพิ่มเพิ่มความคล่องตัวได้ ด้วยการผนวกแผนยุทธศาสตร์ Composability อย่าง Low/No-Code เข้ากับ เทคโนโลยี Hyper Automation องค์กรสามารถยกระดับงาน IT และเพิ่มความรวดเร็วรวมถึง Scale ในงานด้านต่าง ๆ ได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าและผู้ใช้งานเชื่อมต่อกันได้อย่างราบลื่นและทรงพลัง

ผู้ใช้ที่ไม่มีทักษะด้านเทคนิคจำเพาะจะใช้เครื่องมือกลุ่ม Low/No-Code และระบบอัตโนมัติเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น

ในขณะที่ความต้องการแรงงานเพื่อสนับสนุน Digital Transformation แต่ทักษะด้าน IT กลับเป็นสิ่งที่ขาดแคลนในตลาดแรงงาน 73% ของผู้นำในธุรกิจ IT ให้ความเห็นว่าการหาแรงงานที่มีทักษะดังกล่าวในปัจจุบันนั้นมีความยากลำบากอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความท้าทายที่เกิดขึ้นนี้จึงส่งผลให้เครื่องมือกลุ่ม Low/No-Code จะถูกป้อนเข้าสู่ตลาดธุรกิจเพื่อสนับสนุนแรงงานที่มีอยู่ให้ก้าวผ่านความท้าทายที่เกิดขึ้น หลายองค์กรมีแนวโน้มที่จะสร้างทีมลูกผสมระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและธุรกิจขึ้นมา และเมื่อมีเครื่องมือที่ใช่เกิดขึ้น ทีมนี้ก็จะสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ ได้โดยมีแผนก IT คอยสนับสนุนอีกต่อหนึ่ง

องค์กรจะลงทุนในยุทธศาสตร์ Total Experience (TX) เพื่อผลักดันลูกค้าและลูกจ้างเพื่อสร้างความภักดีและความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น

ในปี 2023 ที่กำลังมาถึง องค์กรจะถูกกดดันจากการส่งมอบประสบการณ์อันไร้รอยต่อให้แก่ลูกค้าซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการเติบโต การประกันความมั่นคงรายได้ และทำให้มั่นใจได้ในความรักภักดีต่อองค์กรของลูกค้า ซึ่งหนึ่งในปัจจัยสำคัญ คือ ประสบการณ์ของลูกจ้างที่เป็นกุญแจของความสำเร็จที่จะเกิดขึ้น การวิจัยพบว่า 86% ของผู้นำด้าน IT กล่าวว่าประสบการณ์ที่องค์กรมอบให้ลูกจ้างและลูกค้านั้นมีความสำคัญไม่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์และบริการ โดยประสบการณ์ของลูกค้า (CX) และประสบการณ์ของลูกจ้าง (EX) จะช่วยเพิ่มรายได้และช่วยรักษาทักษะที่กำลังขาดแคลนเพื่อให้องค์กรเพิ่มความคล่องตัวและความยืดหยุ่นที่จะเกิดกับผลลัพธ์ของธุรกิจ

บริษัทจะเพิ่มการใช้ข้อมูลเพื่อทำให้เกิดการตัดสินใจอัตโนมัติด้วยระบบอัจฉริยะเพื่อลดต้นทุนในการเสียโอกาส

การที่มีข้อมูลพร้อมสำหรับการขับเคลื่อนการตัดสินใจเป็นความสำคัญลำดับต้น ๆ ขององค์กรกว่า 83% อย่างไรก็ตามข้อมูลจำเป็นต้องนำไปใช้งานต่อยอดได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งปกติข้อมูลเหล่านี้มักถูกล็อคอยู่ใน Silo ของบริษัท กลายเป็นการบดบังการเกิดขึ้นของนวัตกรรมใหม่ ๆ ในปี 2023 ที่กำลังจะมาถึงนี้จะมีการใช้เทคโนโ,ยีฝังตัวเพื่อการวิเคราะห์แบบ Real-time สำหรับการใช้ประโยชน์จาก Silo ของข้อมูล ทำให้เกิดการทำงานอัตโนมัติ ความอัจฉริยะ และข้อมูลเชิงลึกแบบ Real-time ซึ่งจะช่วยลดเวลาที่ใช้ในการตัดสินใจได้เป็นอย่างดี ทำให้เร่งความเร็วในการใช้เวลาให้เกิดมูลค่าและลดการสูญเสียโอกาสอันสูญเปล่าได้แตกต่างจากที่เคย

การป้องกันด้าน Cybersecurity จะมีลำดับชั้นขั้นตอนที่มากขึ้นและการบูรณาการในการป้องกันภัยจะเพิ่มความซับซ้อนอีกไม่น้อย

การลงทุนด้านสถาปัตยกรรมและโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีจะเติบโตขึ้นกว่าเดิมอีกมาก การเติบโตนี้นำมาสู่ภัยร้ายและความเสี่ยงที่ทวีความรุนแรงและหลากหลายมากยิ่งขึ้น องค์กรจำนวนไม่น้อยจึงมุ่งหน้าสู่การป้องกันและแก้ไขปัญหาด้าน Cybersecurity โดยคาดว่าการบูรณาการเทคโนโลยีและแนวทางที่เกิดขึ้นจะลดผลกระทบด้านความปลอดภัยทางการลงได้เฉลี่ย 90% โดยองค์กรจะต้องบริหารจัดการการเชื่อมต่อที่เกิดขึ้น API ไปจนถึงองค์ประกอบและระบบอัตโนมัติต่าง ๆ ผ่าน Interface เพียงตัวเดียว แนวทางนี้จะทำให้เกิดการใช้งานแพลตฟอร์มที่มีลักษณะ Lightweight เพื่อทำงานข้ามกันระหว่างสถาปัตยกรรมหรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ

ความยั่งยืนจะเป็นตัวขับเคลื่อนการลงทุนด้าน IT

ความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมยังคงเป็นความท้าทายใหญ่สุดของสังคม เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดขึ้นในกระบวนการ องค์กรจะต้องพิจารณาข้อมูลเชิงลึกที่เกิดขึ้นใมนกระบวนการต่าง ๆ และยกระดับการบูรณาการให้เกิดการใ้ชงานทั่วทั้งซัพพลายเชน

ที่มา:
Salesforce.com

เนื้อหาที่น่าสนใจ:
SMC Open House จับมือพันธมิตรเปิดตัวโซลูชันสนับสนุนผู้ผลิตสู่ยุค 4.0 ณ ARIPOLIS, EECi

Thos
"Judge a man by his questions rather than his answers"
Voltaire
READ MORE
×